วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การเลือกชนิดและขนาดของจอฉายภาพ Projector Screen ให้เหมาะสมกับการใช้งานในองกรณ์


ขนาดของจอฉาย
โดยทั่วไปแล้วจอฉายจะมีอยู่ 3 แบบครับ คือ
 
1.Square Format (1:1) หมายถึง ความสูงและความกว้างของเนื้อจอมีขนาดเท่ากัน เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เราจะเรียกจอแบบนี้ว่า จอขนาด 70”x70 “ หรือ 50”x50” ครับ
2. Video Format (4:3/1.33)   หมายถึง อัตราส่วนระหว่างความสูงและความกว้างของจอเป็น 4: 3 เหมือนจอโทรทัศน์ครับ รูปจอจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้านิดๆ จอแบบนี้จะมีหน่วยวัดที่เป็นเส้นทแยงมุม เช่น
- จอแบบ 100” (4:3) หมายถึง  เนื้อจอจะมีความกว้าง 2   เมตร สูง 1.5 เมตร มีความยาวของเส้นทแยงมุม 100”
- จอแบบ 150 “ (4:3) หมายถึง เนื้อจอจะมีความกว้าง 3.05 เมตร สูง 2.44 เมตร มีความยาวของเส้นทแยงมุม 150”
3. HDTV format (16:9/1.78) หมายถึง อัตราส่วนระหว่างความสูงและความกว้างของจอเป็น 16: 9 ภาพจะเป็น Wide screen เหมือนจอภาพยนตร์ หรือภาพที่เราเห็นจากเครื่องเล่นDVD   รูปจอจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวกว่าแบบ 4:3  จอแบบนี้จะมีหน่วยวัดที่เป็นเส้นทแยงมุม เช่น 92”  106 “ เหมือนแบบ 4:3 แต่ว่าขนาดกว้างxยาว จะต่างกันครับ
- จอแบบ  92” (16:9) หมายถึง เนื้อจอจะมีความกว้าง 2.03   เมตร สูง 1.14 เมตร เมตร มีความยาวของเส้นทแยงมุม 92”
- จอแบบ 106 “ (16:9) หมายถึง เนื้อจอจะมีความกว้าง 2.34เมตร สูง 1.32 เมตรเมตร มีความยาวของเส้นทแยงมุม 106” 

               แต่ขนาดดังกล่าวเป็นขนาดของเนื้อจอนะครับ  เวลาซื้อมาติดตั้งจะมีความยาวของกระบอกจอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  เช่น จอแบบแขวนมือดึง 100 “ จะมีความยาวกระบอกจอประมาณ  2.15-2.30 เมตร แต่ถ้าเป็นแบบมอเตอร์ไฟฟ้ากระบอกจอจะมีความยาวประมาณ 2.30-55 เมตร ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ  แต่ โดยทั่วไปแล้วจอมอเตอร์จะมีกระบอกจอที่ยาวกว่าแบบแขวนมือดึงครับ เนื่องจากมีส่วนที่เป็นมอเตอร์ควบคุมซ่อนอยู่ ส่วนจอตรึงจะมีขอบจอไม่กว้างมากนัก อาจจะเพิ่มจากความกว้างของเนื้อจอประมาณ 10-15 ซม.  
 


ชนิดของจอ
1.   จอฉายแบบแขวนมือดึง  เหมาะสำหรับติดประจำห้องโดยยึดจอไว้กับฝ้าหรือกำแพง เวลาใช้ก็แค่ดึงจอลงมาเกี่ยวไว้ด้านล่าง และดึงกลับมาเลือกใช้ 
2.   จอฉายแบบมอเตอร์ไฟฟ้า หน้าตาคล้ายๆกับแบบแรก แต่จะสะดวกตรงที่ไม่ต้องออกแรงดึงเองแต่จะมี รีโมทคอนโทรลคอยควบคุมการขึ้น-ลงของจอ ซึ่งจะเป็นรีโมททั้งแบบมีสายและไร้สาย เหมาะสำหรับจอขนาดใหญ่ หรืออยู่ในตำแหน่งที่ดึงจอไม่สะดวกครับ
3.   จอฉายแบบขาตั้ง เหมาะสำหรับงานที่ต้องเคลื่อนย้าย งานนอกสถานที่ ที่ไม่มีตำแหน่งยึดจอ หรือต้องการใช้งานชั่วคราว น้ำหนักจะมากกว่าแบบมือดึงเพราะมีขาตั้งมาด้วยครับ  ส่วนขาตั้งจะมีทั้งที่เป็นแบบ 3 ขา (Tripod Projection Screen) หรือแบบ 2 ขา ตั้งขึ้นมาจากด้านข้าง
4.   จอฉายแบบตรึง   เป็นจอที่ขึงมาในกรอบ บางยี่ห้ออาจมีกรอบอลูมิเนียมบุกำมะหยี่สีดำ บางยี่ห้อเป็นสีน้ำเงิน เนื้อจอมักเป็นแบบ HD ซึ่ง ใช้สำหรับการชมภาพยนตร์ ติดตั้งภายในห้องครับ นอกจากนี้แล้วจอตรึงอีกแบบที่นิยมใช้ในบ้านเราตามร้านอาหารต่างๆ จะเป็นจอที่เจาะตาไก่แล้วร้อยกับโครงจอครับ  จอแบบนี้มักใช้จอที่เป็นจอหนังมาทำ มีขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 150-300 “ ราคาไม่สูงมาก เหมาะกับงานกลางแจ้งต่างๆ ซึ่งปัจจุบันก็หาซื้อและสั่งทำได้ง่ายขึ้นครับ
5.   จอแบบตั้งโต๊ะ  เป็นจอขนาดเล็ก ส่วนมากจะมีขนาดประมาณ 40”-50” เพื่อความสะดวกในการพกพา เวลาใช้ก็ดึงกระบอกจอออกมาแล้ววางบนโต๊ะนำเสนอเพื่อใช้งานได้ทันที
6.   จอแบบตั้งพื้น สวยกว่า โดยจอประเภทนี่จะมีฐานจอขนาดใหญ่ ใช้ดึงจอจากด้านล่างขึ้นมาแล้วยึดกับโครงยึดจอด้านหลัง   เป็นจอที่เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้าย งานนอกสถานที่  ราคาจะสูงกว่าแบบขาตั้งธรรมดาแต่ดู
 
 
 เนื้อจอฉาย
1.   Matte White มีค่า Gain 1.0 เป็น จอที่ได้รับความนิยมในตลาดสูงมาก เนื่องจากราคาที่ไม่สูงจนเกินไป เหมาะกับงานนำเสนอตัวหนังสือจากคอมพิวเตอร์ เครื่องฉายสไลด์ หรือ Overhead สามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำสบู่ กันเชื้อราได้ และไม่ติดไฟง่าย   
2.   Glass Beaded มีค่า Gain 2.5  ราคาจะสูงกว่าแบบ Matt White สามารถ สะท้อนแสงได้ดีกว่า เหมาะสำหรับสถานที่ที่มีแสงรบกวนสูง และมีตำแหน่งของผู้ชมไม่กว้างมากนักเพราะจอมีมุมมองภาพที่แคบ แนะนำในการใช้งานกับการนำเสนอรูปภาพต่างๆ ไม่เหมาะกับการฉายภาพที่เป็นข้อมูลตัวหนังสือคอมพิวเตอร์ เช่น excel ,word หรือภาพจาก Overhead  นอกจากนี้เนื้อจอยังกันเชื้อราได้ และไม่ติดไฟง่าย   แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้เนื้อจอยับนะครับเพราะจะทำให้คุณภาพของภาพลดลงมากทีเดียวครับ
3.   Rear  Gain 5.0 เนื้อจอภาพแบบฉายหลัง จอแบบนี้จะใช้ในกรณีที่เราติดตั้งเครื่องฉายไว้ด้านหลังจอครับ  จอที่มีคุณภาพดีจะมีการกระจายแสงที่ดี ให้ภาพที่คมชัด  ราคาจะสูงกว่า 2 แบบแรกมากครับ
4.   High Definition Gain 3.0 จอแบบนี้นิยมใช้กับห้องโฮมเธียเตอร์ในบ้าน ภาพที่ได้จะให้คุณภาพสูงมากอย่างเห็นได้ชัด เมื่อฉายเทียบกับจอแบบ Matt white และ Glass beaded  ทีสำคัญราคาสูงพอๆกับคุณภาพ

ตรวจสอบราคาจอได้ที่





การเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ Projector ให้เหมาะกับงาน

การเลือกโปรเจคเตอร์ ในหน่วยงานต่างๆ

อุปกรณ์ด้านไอทีนั้นมีอยู่อย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นของชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ของราคาถูกหรือราคาแพงแต่อุปกรณ์เหล่านี้เมื่อทำการซื้อมาแล้วก็จะต้องมีการใช้งานให้คุ้มค่าไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในลักษณะใดก็ตาม แต่สำหรับ โปรเจคเตอร์ที่เป็นอุปกรณ์ราคาแพงก็จะต้องมีการใช้งานกันอย่างทะนุถนอมกันหน่อย
Projector เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญคือ เครื่องฉายไฟเลนส์ และมีพอร์ต RGB ในการที่จะเลือกซื้อเครื่อง Projector นั้นก็ต้องให้ความพิถีพิถันกันบ้างเนื่องจากตัว Projector นั้นมีราคาที่ค่อนข้างสูงแต่ถ้าหากรู้จักการใช้งานอย่างเหมาะสมก็นับว่าคุมค่ากับการหาซื้อมาใช้งานเนื่องจากตัวProjector เองนั้นสามารถใช้ในการประชุมสัมมนานำเสนอโครงการต่างๆ หรือแม้แต่ใช้เพื่อความบันเทิงในบ้านก็สามารถทำได้จึงเห็นได้ว่า Projector นั้นให้ประโยชน์ในการใช้งานที่กว้างขวางพอสมควร
สำหรับผู้ที่คิดจะเลือกซื้อหรือหน่วยงานองค์กรต่างๆที่จะซื้อก็อาจจะคิดว่าจะเลือกซื้อ Projector รุ่นไหนดี เครื่องไหนดีแบบใดดี ก็อาจจะงงๆ อยู่บ้างเนื่องจากตัว Projector นั้นก็มีอยู่หลายรุ่นหลายยี่ห้อมากมายให้เลือกใช้งานไม่แพ้อุปกรณ์ไอทีอื่นๆเลย
สำหรับบทความนี้ก็จะได้มีการแนะนำการเลือกซื้อตัว Projector เพื่อนำมาใช้งาน โดยจะมีข้อมูลที่จำเป็นในการเลือกซื้อต่างๆ อย่างครบถ้วนสำหรับตัวอย่างหรือรุ่นต่างๆ ของ Projector ในบทความนี้มิได้หมายความว่ารุ่นนี้จะดี หรือน่าใช้ความรุ่นอื่นๆเพียงแค่ยกตัวอย่างมาประกอบการเขียนเท่านั้นก็มาดูกันเลยดีกว่าจะทำอย่างไรดี
ขนาด/น้ำหนัก
ขนาดและน้ำหนักนี้จะเป็นส่วนที่บอกความต้องการของผู้ใช้งานได้เป็นอันดับต้นๆเนื่องจากก่อนที่จะซื้อ Projector มาใช้งานก็จะต้องรู้จักหรือทราบสถานที่ที่ต้องใช้งานก่อนว่าเป็นสถานที่แบบใด มีเนื้อที่ขนาดไหน จึงจะสามารถที่จะเลือกซื้อได้เพราะหากพื้นที่ที่ใช้งานมีขนาดเล็กแต่ซื้อเครื่องProjector ที่มีขนาดใหญ่มาก็ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไร ในขณะเดียวกัน Projector ที่ใช้งานก็มีอยู่หลายประเภทด้วยไม่ว่าจะเป็นสำหรับการถือพกพาตั้งโต๊ะหรือแม้แต่กระทั่งแหวนพนเพดานโดยขนาดแต่ละแบบก็เหมาะสำหรับงานแบบหนึ่งอาจจะนำมาใช้งานกับแบบอื่นๆไม่เหมาะสมเท่าไรนัก ก็ขอแยกออกเป็นชนิดดังนี้
ชนิด Ultra Portable 
น้ำหนัก 4-10 ปอนด์ เหมาะสำหรับนักเดินทาง หรือการพกพาไปยังที่ต่างๆใช้ในพื้นที่ที่ไม่มากเท่าไรนัก แต่อย่างไรก็ตามเครื่อง Projector ที่มีน้ำหนักเบาเกินไปอาจทำให้คุณภาพของเครื่อง Projector บางรุ่นลดต่ำลงไปด้วย เช่นค่าความคมชัดค่าความสว่างแต่ถ้าเครื่องยิ่งมีขนาดเล็กและมีคุณสมบัติที่ดีนั่นก็หมายความถึงราคาที่แพงขึ้น เป็นเงาตามตัวด้วย

ชนิด Portable 
น้ำหนัก 10-20 ปอนด์ เหมาะสำหรับใช้ในห้องประชุมหรือห้องสัมมนาทั่วไปหรือห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาสักหน่อย เนื่องจากตัวเครื่อง Projector จะให้ความคมชัดและความสว่างที่ดีกว่าแบบแรก
ชนิด Conference 
น้ำหนัก 20 ปอนด์ขึ้นไป เหมาะสำหรับการติดตั้งแบบถาวร กึ่งถาวรหรือมีการเคลื่อนย้าย น้อยครั้งและด้วยเครื่องที่ขนาดนี้ก็รับประกันได้เลยว่าตัวเครื่องนั้นมีความสามารถที่เป็นเยี่ยมอย่างแน่นอน แต่มันก็มีขนาดที่หนักและเคลื่อนย้ายลำบากแต่ถ้าดูแล้วความสามารถของเครื่องไม่เหมาะสมกับราคาและน้ำหนักก็ให้มองข้ามรุ่นนั้นไปได้เลย
เนื่องจากในปัจจุบันนี้เครื่อง Projector ยังไม่มีรุ่นที่แบบเล็กมากๆแต่ที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดบ้านเราก็สามารถใช้งานได้หลากหลายแล้วแต่ถ้ามีงบประมาณที่พอก็อาจจะเพิ่มการเลือกซื้อในรุ่นที่ใหญ่กว่าเนื่องจากมีความสามารถและคุณสมบัติที่มากกว่าการใช้งานรุ่นเล็กซึ่งก็จะทำให้คุ้มค่ากว่าได้
DLP หรือ LCD 
ตัวย่อสองตัวนี้หมายถึงเทคโนโลยีของเครื่อง Projector ซึ่ง DLP ย่อมาจาก Digital Light Processing ส่วน LCD ก็ย่อมาจาก Liquid Crystal Display ซึ่งทั้งสองแบบนี้ก็ต่างกันที่ DLP เป็นเทคโนโลยีแบบดิจิตอลล้วน ๆที่สามารถทำให้การนำเสนอผลงานหรือสร้างผลงานให้มีความคมชัดสูงและมีความสว่างที่มากกว่าให้สามารถอัดแน่นอยู่ในพื้นที่ขนาดที่เล็กๆ ได้
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเครื่อง Projector แบบ Ultra Portable ที่วางขายอยู่ในท้องตลาดนั้นโดยมากจะใช้เทคโนโลยี DLP นี้โดยเทคโฯโลยีนี้ก็อยู่บนพื้นฐานของ digital micromirror display (DMD) ส่วนเครื่อง Projector แบบ LCD นั้นจะด้อยกว่าแบบ DLP ตรงที่เครื่อง Projector แบบ LCD นั้นยังมีบางส่วนที่เป็นระบบอะนาล็อก รวมอยู่ด้วยและด้วยเครื่องฉายภาพระบบ DLP สามารถที่จะให้ความคมชัดที่สูงกว่าและให้ความถูกต้องของสีมากกว่าเนื่องจากได้รับประโยชน์จากการทำงานแบบดิจิตอลทำให้หมดปัญหาในเรื่องของการบิดเบือนหรือการลดทอนสัญญาณในกระบวนการแปลงค่าดิจิตอลให้เป็นอะนาล็อกอย่างที่เกิดขึ้นในระบบ LCD 
โปรเจคเตอร์ที่มีระบบแบบ DLP และ LCD 
แต่อย่างไรก็ตามเครื่อง Projector ในระบบ LCD ก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีความสามารถที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเพื่อที่จำลดข้อด้อยดังที่กล่าวมาซึ่งในบางครั้งก็อาจจะทำให้แยกไม่ออกในเรื่องของการทำงานว่าเครื่อง Projector เครื่องไหนเป็นระบบ DLP หรือเครื่องไหนเป็นระบบ LCD ก็เมื่อไปทำการเลือกซื้อก็ให้ทดลองฉายภาพดูแล้วทำการเปรียบเทียบภาพที่ได้ว่าเหมาะสมหรือไม่ ส่วนเรื่องของราคาเครื่อง Projector ในระบบ LCDอาจจะถูกกว่าเครื่อง Projector ในระบบ DLP บ้างที่ความสามารถเท่าๆ กันแต่ตรงนี้ก็วัดอะไรไม่ได้มากนัก เนื่องจากขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ ฟังก์ชันหรือฟีเจอร์อื่นๆ ด้วยซึ่งอาจจะทำให้ราคาเครื่อง Projector ในระบบ LCD แพงกว่าราคาเครื่อง Projector ในระบบ DLP ก็ได้
ค่าความสว่าง/หลอดไฟ
การใช้งานเครื่อง Projector ในห้องที่มีขนาดใหญ่หรือมีคนมากๆสิ่งที่สำคัญก็คือภาพที่ฉายออกไปนั้นจะต้องมีขนาดที่ใหญ่มีความสว่างในการใช้งานดี ความคมชัดสูงเพื่อให้คนต่างๆเหล่านั้นได้เห็นภาพที่ชัดเจน และสิ่งที่ทำให้เกิดความสามารถนี้ได้นั่นก็คือความสว่างของการฉายภาพเพราะหากแสงไม่พอภาพที่ได้นั้นจะไม่มีความคมชัด นอกจากนั้นความสว่างที่ว่านี้ยังส่งผลโดยตรงต่อการนำเสนอแล้วยังแปรผันโดยตรงกับความสว่างของห้องด้วย คือ ถ้าความสว่างของเครื่อง Projector นั้นน้อยก็จะต้องทำการปรับความสว่างของห้องที่ใช้งานให้น้อยหรือมืดไปเลยตามไปด้วย แต่ถ้าหากเครื่อง Projector มีความสว่างที่มากพอแม้ว่าห้องที่ใช้งานอยู่นั้นจะมีการเปิดไฟหรือมีความสว่างอยู่บ้างก็จะทำให้ภาพที่ได้ยังคมชัดอยู่และยังสามารถใช้ความว่างนั้นทำกิจกรรมอย่างอื่นไปได้ด้วยเช่นการจดบันทึกหรือโน้ตย่อตามการนำเสนอนั้นๆ ร่วมกันไปด้วยได้
ค่าความสว่างของเครื่อง Projector นี้มีหน่วยวัดเป็น ANSI lumen ยิ่งมีค่ามากเท่าไรก็ยิ่งมีความสว่างของเครื่องมากขึ้นเท่านั้นซึ่งก็จะช่วยให้คุณภาพของภาพที่ได้มีขนาดใหญ่ และมีความคมชัดมากขึ้นสำหรับการเลือกซื้อก็จะต้องมีการพิจารณาประกอบดังนี้
ค่าความสว่าง/ความเหมาะสม
น้อยกว่า 500 ANSI lumens 
ห้องขนาดเล็ก /จำนวนผู้ฟังน้อย /ในห้องที่มืด หรือไม่ต้องการแสงสว่าง

500 - 1,000 ANSI lumens 
ในห้องประชุมตามสำนักงานต่างๆ หรือในห้องเรียน/จำนวนผู้ฟังขนาดกลาง/ต้องการแสงสว่าง ในการนำเสนอบ้าง แต่ไม่มากนัก

1,000 - 1,500 ANSI lumens 
ห้องประชุมขนาดใหญ่ หรือในห้องเรียนรวม/ฉายในห้องที่มี แสงสว่างปกติ
มากกว่า 1,500 ANSI lumens 
สถานที่ขนาดใหญ่ตามศูนย์การประชุมต่างๆ/ฉายในห้องที่มี แสงสว่างปกติ
ถ้ามีงบประมาณที่เพียงพอก็ให้พยายามเลือกซื้อรุ่นที่มีค่า ANSI lumen สูงๆเท่าที่จะสามารถทำได้ เพราะจะช่วยให้คุณภาพของภาพที่ได้มีความคมชัดมากขึ้นแต่ค่าความสว่างนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับหลอดไฟหรือชนิดของหลอดไฟด้วยโดยทั่วไปหลอดไฟที่ใช้ในเครื่อง Projector ก็มีอยู่ ประเภทใหญ่ๆ คือแบบ Metal Halide และ UHP (Ultra-High Performance) โดย แบบ Metal Halide นั้นจะเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ถูกใช้มานานแล้วทำให้คุณภาพของภาพที่ได้ออกมาไม่ดีเท่าที่ควรเพราะเมื่อใช้งานไปนานจะสูญเสียความสว่างลงไปอีกทั้งยังเกิดความผิดเพี้ยนของสีของภาพอีกด้วย ในขณะที่เทคโนโลยี UHP นั้นจะยังคงรักษาประสิทธิภาพเอาไว้ตลอดอายุการใช้งานอีกเช่นเดียวกันราคาก็จะสูงกว่าบ้าง แต่ถ้าดูอย่างอื่นๆ ประกอบด้วยโดยรวมถ้าราคาใกล้เคียงกันแบบ UHP ก็เป็นส่วนที่น่าสนใจกว่า
ความละเอียด/ความคมชัด
ตัว Projector รุ่นต่างๆ ก็จะมีคุณภาพที่แตกต่างกันไป เนื่องจากตัว Projector จะมีวิธีการสร้างภาพที่ต่างกัน แต่ก็จะใช้การเรียนของจุดสีหรือที่เรียกว่า "พิกเซล" ประกอบกันขึ้นมาทีละแถวหรือเส้นและเมื่อรวมกันเข้าหลายๆเส้นก็จะเกิดเป็นภาพขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าความคมชัดหรือความละเอียดของภาพนี้ก็ขึ้นอยู่กับการสร้างจำนวนจุดสีหรือพกเซลนี้ขึ้นมาได้มากน้อยแค่ไหน
ความละเอียดของ Projector นี้จะมีการแสดงค่าเป็นตัวเลข จำนวน เช่น 800 X 600 พิกเซล โดยตัวเลขแรกหมายถึงจำนวนพิกเซลที่มีการจัดเรียงกันตามแนวนอน ส่วนตัวเลขที่สอง หมายถึงจำนวนพิกเซลที่มีการจัดเรียงกันในแนวตั้ง ตัวเลขทั้ง ตัวนี้ยิ่งมีค่าสูงมากเท่าไรก็หมายถึงว่าค่าความคมชัดและรายละเอียดของภาพจะสูงมากขึ้นตามไปด้วยแต่สำหรับการใช้งานนั้นค่าความละเอียดหนึ่งอาจจะเหมาะสมกับงานประเภทหนึ่งเนื่องจากถ้ามีการซื้อเครื่องที่มีความละเอียดสูงมาใช้งานเกินความจำเป็นก็จะทำให้เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุก็ขอให้พิจารณาจากตัวอย่างการใช้งานนี้

หากมีการนำเสนอหรือแสดงผลการด้วยโปรแกรม PowerPoint ภาพที่จะออกมานั้นก็จะเป็นกราฟิกเป็นส่วนใหญ่โดยจะไม่มีความซับซ้อนหรือรายละเอียดของภาพมากนัก ก็อาจจะใช้ Projector ที่มีความละเอียดที่ 800 x 600 พิกเซลก็ได้

ถ้ามีการใช้โปรแกรมประเภทตาราง หรือมีการเสนองานที่อยู่ในรูปแบบของตารางหรือรูปภาพกราฟิกที่มีรายละเอียดที่ค่อนข้างสูงขึ้นมาสักหน่อยก็แนะนำให้ใช้ Projector รุ่น XGA ที่มีความละเอียด 1,024 x 768 พิกเซลก็จะทำให้รายละเอียดของภาพนั้นมีความคมชัดมากขึ้น

หากในการนำเสนอมีการใช้โปรแกรมประเภทออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือประเภท CAD/CAM ต้องเลือกซื้อรุ่นที่มีความคมชัดสูงสูงในระดับ SXGA โดยจะมีความละเอียดที่ 1,280 x 1, 024 พิกเซลก็เพื่อช่วยให้รายละเอียดของภาพนั้นไม่มีการบิดเบือนไปจากภพาจริงมากนักเนื่องจากภาพประเภทนี้เป็นภาพที่มีรายละเอียดสูง มีความซับซ้อนมาก
ความละเอียดของตัว Projector มีมากเพียงใดแต่ถ้ารุ่นของเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่รองรับหรือไม่สามารถที่จะแสดงภาพได้เต็มความสามารถของเครื่อง Projector ความละเอียดที่มีสูงๆ ก็เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ไปก็ให้ทำการตรวจสอบรุ่นของเครื่องคอมพิวเตอร์ว่าสามารถที่จะใช้งานกับProjector รุ่นที่ต้องการนี้ได้หรือไม่
นอกจากนี้แล้วตัวเครื่อง Projector ยังขึ้นอยู่กับค่า Contrast Contrast หรือค่าความต่างของตัวเครื่องด้วยโดยค่านี้จะแสดงถึงความแตกต่างระหว่างค่าสูงสุดของความสว่างและความมืดที่อยู่บนจอภาพ ซึ่งค่า Contrast ที่ดีควรจะอยู่ในอัตราส่วน 150:1 หรือมากกว่า ซึ่งถ้าค่า Contrast ยิ่งมากเท่าไรก็จะช่วยให้เกิดมิติและความคมชัดของภาพได้สูงขึ้นเท่านั้นแต่ค่า Contrast นี้จะไม่ค่อยมีผลเท่าไรกับภาพที่คุณภาพของภาพต่ำดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ให้ทำการเลือกซื้อ Projector ที่มีค่า Contrast สูงๆไว้ก่อน
พอร์ตต่างๆ ของเครื่อง
ความจำเป็นในการใช้งานของ Projector นั้นอาจจะไม่เหมือนกันทั้งหมด ดังนั้นเครื่อง Projector จึงจะต้องมีพอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่นั่นก็จะหมายถึงราคาของเครื่องที่อาจจะเพิ่มขึ้นมาด้วยเนื่องจากพอร์ตจะเป็นส่วนช่วยเพิ่มความหลากหลายในการใช้งานของ Projector ได้มากยิ่งขึ้น แต่พอร์ตที่มีแน่ๆ ใน Projector ทุกเครื่องก็คือ พอร์ต RGB In ที่เป็นพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนพอร์ตอื่นๆที่เกี่ยวข้องหรือมีใน Projector บางรุ่นก็มี

1. 
พอร์ต RGB Out เพื่อที่จะช่วยในการต่อเชื่อมจอภาพภายนอกเข้ากับเครื่อง Projector ได้ช่วยให้ภาพสามารถแสดงได้ทั้งที่จอมอนิเตอร์และบนจอฉายภาพในเวลาเดียวกัน

2. 
พอร์ต Composite กับ S-video ก็เป็นพอร์ตหนึ่งที่จะมีใน Projector ทีโดยพอร์ตทั้งสองแบบนี้จะใช้ในการรับสัญญาณภาพจากเครื่องเล่น VCR และ DVD ได้ทั้งระบบแบบเก่า (composite) และระบบแบบใหม่ (S-video) มาซึ่งถ้าจะใช้ส่วนนี้ก็จะมีหาซื้อเครื่องที่มีพอร์ตสำหรับต่อไว้ด้วย

3. 
พอร์ต Component video บางบริษัทอาจเรียกว่า Y, R-Y, B-Y หรือ Y PbPr เป็นพอร์ตที่ทำหน้าที่รับสัญญาณวิดีโอจากดาวเทียม โดยในเครื่องเล่น DVD รุ่นใหม่จะมีการเพิ่มพอร์ตนี้เสริมเข้าไปเพิ่มเติมจากพอร์ต composite และ S-video ที่มีอยู่แล้วด้วย

4. 
พอร์ต Audio In ทำหน้าที่ส่งสัญญาณเสียงจากคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่น VCR หรือ DVD เพื่อทำการส่งต่อไปที่เครื่อง Projector เพื่อช่วยให้ผู้ชมได้ยินเสียงประกอบด้วย แต่ตัวเครื่อง Projector ก็จะต้องมีลำโพงอยู่ในตัวด้วยหรืออาจจะใช้เป็นทางผ่านเพื่อต่อใช้งานอย่างอื่นก็ได้

5. 
พอร์ต Audio Out ทำหน้าที่ส่งสัญญาณเสียงจากเครื่อง Projector ไปยังลำโพงภายนอกเพื่อให้เกิดความดังหรือความชัดเจนของเสียงที่ดีขึ้น
การปรับภาพ และควบคุม
การปรับภาพ
เครื่องมือที่ช่วยในการปรับภาพของเครื่อง Projector นั่นก็คือระบบโฟกัสและระบบการซูม โดยที่เครื่อง Projector บางตัวบางรุ่นบางยี่ห้อจะสามารถปรับในสิ่งเหล่านี้ได้แบบ manual ด้วยการหมุนวงแหวนที่อยู่บนตัวเลนส์ด้านหน้าของเครื่อง Projector แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมาพร้อมกับระบบควบคุมโฟกัสและการซูมซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการใช้งานโดยการกดปุ่มที่อยู่บน Projector ก็สามารถที่จะปรับค่าต่างๆ ได้แล้วในบางรุ่นอาจจะใช้รีโมทในการควบคุม
ตัวเลนส์ของเครื่อง Projector ก็มีความสำคัญเหมือนกันโดยถ้าเลนส์มีการขยายที่ดีก็จะช่วยให้การควบคุมขนาดของภาพทำได้ดีขึ้นโดยการ Zoom in หรือ zoom out ซึ่งก็อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับห้องแต่ละห้องที่อาจจะมีขนาดของจอภาพไม่เท่ากัน
ระบบควบคุม
ระบบรีโมทคอนโทรลจะช่วยให้การควบคุมการทำงานของ Projector, การปรับความคมชัดของภาพ หรือการปรับแต่งอื่นๆสามารถทำได้ง่ายขึ้นซึ่งจะทำการจากมุมใดมุมหนึ่งในห้องก็ได้แต่อย่างไรก็ตามปุ่มที่อยู่บนรีโมทนั้นอาจจะเป็นปุ่มที่ทำให้การใช้งานง่ายก็จริงแต่ไม่ควรที่จะละเลยที่จะใช้ปุ่มที่อยู่กับเครื่อง Projector เพราะถ้าเกิดรีโมทเสียขึ้นมาละยุ่งแน่

สารพัดประโยชน์
แม้ว่าในการใช้งาน Projector ส่วนใหญ่จะต่อเชื่อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานในการนำเสนอต่างๆแต่ก็ยังมีอีกหลายรุ่นที่สามารถต่อเชื่อมกับเครื่อง VCR และ DVD ได้ด้วยซึ่งก็จะช่วยให้สามารถฉายภาพยนตร์บนจอใหญ่ๆ ขึ้นมาได้อย่างและยังประหยัดค่าโทรทัศน์จอยักษ์ได้มากทีเดียว
นอกจากนี้แล้วเครื่อง Projector บางรุ่นอาจจะมีความสามารถของ Visualizer รวมอยู่ด้วยโดยจะสามารถที่จะทำให้แสดงภาพแบบ มิติได้เพิ่มขึ้นมาอีกด้วยก็จะทำให้ประโยชน์ของตัว Projector นั้นเพิ่มมากขึ้นไปอีก แต่ก็อีกนั่นแหละราคาของตัวเครื่อง Projector อาจจะเพิ่มตามขึ้นมาด้วย
ร้านค้า/ตัวแทนจำหน่าย
นี่เป็นสิ่งที่จำเป็ฯและสำคัญอีกอย่างหนึ่งสำหรับการเลือกซื้ออุปกรณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็น Projector หรืออุปกรณ์อื่นใดก็ตาม แต่สำหรับ Projector นั้นร้านค้าที่นำมาขายนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านเจ้าใหญ่ๆทั้งนั้นไม่ค่อยมีร้านค้าย่อยๆทำการซื้อมาเก็บในสต๊อกไว้รอขายเนื่องจากราคาของProjector นั้นค่อนข้างสูงอาจจะไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ต้องเสียไปแต่ก็อาจจะมีไปสั่งซื้อจากร้านใหญ่ๆ มาอีกทีหนึ่งเมื่อมีลูกค้ามาสั่งซื้อโดยในส่วนนี้ถ้าเป็นไปได้ก็ทำการซื้อจากร้านค้ารายใหญ่ๆเลยก็ได้แต่ก็ให้ศึกษาข้อมูลของร้านนั้นให้ดีด้วย เช่นการบริกการเป็นอย่างไร ไม่ใช้ว่าขายแล้วทิ้งไม่รับผิดชอบลูกค้าเลยหรืออีกร้านหนึ่งขายในราคาที่สูงกว่านิดหน่อยแต่ก็มีการรับประกันที่ดีกว่าก็ให้เลือกในกรณีหลังจะดีกว่าและอีกประการหนึ่งคือพนักงานขายที่มีการเดินสายขายเครื่อง Projector ไปยังที่ต่างๆก็ให้ทำการตรวจสอบข้อมูลของบุคคลเหล่านี้ด้วยว่าสักกัดอยู่ที่ร้านนี้จริงหรือไม่มิใช่มาแอบอ้างแล้วทำให้เกิดข้อผิดผลาดขึ้นมาได้
บทสรุป
เนื่องจากตัวเครื่อง Projector นั้นมีราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อคิดที่จะซื้อมาใช้งานก็จะต้องมีการวางแผนกันพอสมควร เนื่องจาก Projector มีอุปกรณ์ที่สำคัญคือ เครื่องฉายไฟเลนส์และมีพอร์ต RGB ดังนั้นการที่จะซื้อเครื่อง Projector ที่มีระบบต่างๆครบสมบูรณ์ 100% นั้นบอกได้เลยว่าไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ในรุ่นหนึ่งอาจจะมีคุณสมบัติที่อีกรุ่นหนึ่งไม่มีก็ได้แต่หากรู้จักปรับใช้งานอย่างเหมาะสมแล้วก็จะสามารถใช้งานเครื่อง Projector นั้นได้ดีมากยิ่งขึ้น

แหล่งข้อมูล

http://www.projectorok.com/

http://www.projectorok.com/

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มารูจักกับจอรับภาพโปรเจคเตอร์แบบต่างๆ

1) จอรับภาพแบบมอเตอร์ไฟฟ้า   Motorized Projection Screen 

- เป็นจอรับภาพแบบชนิดควบคุมการขึ้นลงของจอภาพ และม้วนเก็บด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
- มอเตอร์ไฟฟ้า เป็นชนิดที่สามารถหมุนย้อนกลับได้ ซึ่งสามารถควบคุมการหยุดของจอได้ทุกตำแหน่งและจะหยุดอัตโนมัติเมื่อขึ้นสุดหรือลงสุด
- มีอุปกรณ์ควบคุม 3-POSITION CONTROL SWITCH เพื่อควบคุมการหยุดของจอภาพได้ทุกตำแหน่ง
- เนื้อจอสีขาว ทำจากวัสดุ Fiber ด้านหลังเคลือบสีดำทนต่อการฉีกขาด ป้องกันการติดไฟและสามารถทำความสะอาดได้
- กระบอกจอออกแบบให้สามารถติดตั้งกับผนังหรือเพดาน
- ช้ไฟฟ้า 220 Volt 50 Hz
- มี Wireless Remote Control เป็นอุปกรณ์เสริม
- เนื้อผ้าจอมีให้เลือก Matt White (Gain 1.0) Cine Mat (Gain 2.0) Glass Beaded (Gain 2.5) 
High Definition (Gain 3.0)

จอโปรเจคเตอร์แนะนำ

จอรับภาพเวอร์เทกซ์ แบบมอเตอร์ไฟฟ้า
เป็นจอภาพที่ผ้าจอเลื่อน ขึ้น-ลง ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
เป็นอุปกรณ์สำคัญเสริมภาพลัษณ์ห้องประชุม ให้ดูดี หรูหรา ภูมิฐาน
เหมาะสำหรับใช้ในห้องประชุม หรือห้องชมภาพยนตร์ (Home Theatre) 
ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดที่สามารถหมุนย้อนกลับได้ 
ผ้าจอจะหยุดเองโดยอัตโนมัติเมื่อเลื่อนลง หรือเลื่อนขึ้นจนสุด 
มีสวิทช์ควบคุมให้ผ้าจอเลื่อน ขึ้น-ลง หรือให้หยุดในตำแหน่งที่ต้องการ
ผ้าจอทำจากวัสดู Fiber Glass ป้องกันการติดไฟ ทำความสะอาดได้
กระบอกจอทำด้วยโลหะ แข็งแรง ทนทาน 
ติดตั้งโดยแขวนยึดกับผนังห้อง หรือแขวนห้อยกับเพดาน 
มีระบบป้องกันกระแสไฟฟ้า Overload และจะตัดไฟเองอัตโนมัติ 
เพื่อป้องกันไม่ให้มอเตอร์เสียหาย
ชุดควบคุมได้รับมาตรฐาน CE
ใช้ได้กับเครื่องฉายภาพต่าง ๆ (Projectors) ทุกชนิด
สามารถควบคุมจากรีโมทคอนโทรล Wireless Remote Control 
(รีโมทคอนโทรล เป็นอุปกรณ์เสริมซื้อต่างหากได้ โดยจอมี sensor รับรีโมทอยู่แล้ว)


2) จอรับภาพชนิดขาตั้ง  Tripod Screen

- เป็นจอรับภาพแบบขาตั้งและจอภาพม้วนเก็บในกล่องจอทำด้วยโลหะเหมาะสำหรับใช้งานหนัก
- เนื้อจอสีขาวด้านหลังเคลือบสีดำ ทำจากวัสดุ Fiber Glass ทนต่อการฉีกขาดและสามารถทำความสะอาดได้
- ขาตั้งจอรับภาพเป็นแบบสามขาทำด้วยโลหะแข็ง สามารถกางออกหรือหดเก็บได้มีเสาขาตั้งจอทำด้วยเหล็กแข็งสามารถดึงขึ้นหรือลดลงได้โดยมีตัวล็อคเพื่อบังคับให้ความสูงของเสาอยู่คงที่ตามที่ต้องการ
- ตัวกล่องจอรับภาพยึดติดกับเสากางขาตั้งจอด้วยตัวล็อค ซึ่งจะล็อคได้อย่างแน่นไม่หลุดง่าย ตัวกล่องจอสามารถถอดแยกออกจากเสาขาตั้งจอได้ โดยการปลดตัวล็อค
- ตัวกล่องจอรับภาพยึดติดกับเสาขาตั้งจอ โดยกล่องจอรับภาพสามารถปรับขึ้นหรือลดลงได้เพื่อให้ได้ขนาดจอรับภาพที่ต้องการ โดยมีตัวล็อคติดอยู่กับเสาขาตั้งจอ เพื่อใช้การดึงจอภาพให้ดึงและล็อคเข้ากับเสาขาตั้งจอ ทำให้มั่นใจว่าจอภาพจะตึงตลอดเวลาการใช้งาน
- มี Keystone Eliminator เพื่อไม่ให้เกิดภาพเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู
- มีระบบ fingertip tension lock ที่ทำให้จอกางได้ตึงเรียบและม้วนเก็บได้อย่างเรียบร้อย
- มีระบบ Cam Lock แกนหมุนป้องกันจอไม่ให้ถูกดึงหลุดออกจากแกนหมุน
- เนื้อผ้าจอมีให้เลือก Matt White (Gain 1.0) Glass Beaded (Gain 2.5) 
- ขนาด square format ( 1 :1 ) 71 นิ้ว -  135 นิ้ว     และ     video format ( 4 :3 )   120 นิ้ว - 150 นิ้ว

จอขาตั้ง 3 ขา


3) จอรับภาพแบบแขวนมือดึง Wall Screen 

- สามารถติดตั้งกับผนังเพดานเหมาะสำหรับใช้งานหนัก
- เนื้อจอสีขาวทำจากวัสดุFiberด้านหลังเคลือบสีดำทนต่อการฉีกขาดป้องกันการติดไฟและสามารถทำความสะอาดได้
- เนื้อจอติดกับแกนเหล็กและใช้ระบบลูกปืนกลม(roller lock)ล็อกแกนหมุนเพื่อป้องกันการติดขัด ส่วนล่างของผ้าม้วนกับแกนดึงและเย็บด้วยตะเข็บ2ชั้นเพื่อทนต่อแรงดึง
- เนื้อผ้ามีให้เลือก Matt White (Gain 1.0), Glass Beaded (Gain 2.0)
- มีขนาด ตั่งแต่ 50x50 นิ้ว จนถึง 200นิ้ว แต่บางขนาดถึง 300 นิ้ว
จอแขวนมือดึง


4) จอรับภาพ EASY FOLD
- จอรับภาพชนิดขึง สามารถประกอบได้ง่าย
- โครงทำด้วยวัสดุอลูมิเนียมโค้งมนเคลือบด้วยกัมหยี่สำดำ ให้ความสง่างามหรูหรากับห้อง
- เนื้อจอขึงตรึงเรียบสนิทกับโครงกัมหยี่ที่โค้งมนเข้าหาเนื้อจอ
- เนื้อผ้า HD-Gray เป็นเนื้อผ้าชนิด High Definition สีเทา ทำช่วยเพิ่ม contrast และโทนสีของภาพให้ดูสมจริงมากขึ้น
- ขนาดจอเป็นชนิด Wide Screen ( 16:9 ) ตั่งแต่ 80นิ้ว 92นิ้วและ 100 นิ้ว 
EASY FOLD


5) จอรับภาพ FLOOR SCREEN

- จอรับภาพชนิดขึง สามารถประกอบได้ง่าย
- โครงทำด้วยวัสดุอลูมิเนียมโค้งมนเคลือบด้วยกัมหยี่สำดำ ให้ความสง่างามหรูหรากับห้อง
- เนื้อจอขึงตรึงเรียบสนิทกับโครงกัมหยี่ที่โค้งมนเข้าหาเนื้อจอ
- เนื้อผ้า HD-Gray เป็นเนื้อผ้าชนิด High Definition สีเทา ทำช่วยเพิ่ม contrast และโทนสีของภาพให้ดูสมจริงมากขึ้น
- ขนาดจอเป็นชนิด Wide Screen ( 16:9 ) ตั่งแต่ 80นิ้ว 92นิ้ว และ 100นิ้ว

FLOOR SCREEN


6 )จอรับภาพ FIXED FRAME

- จอรับภาพชนิดขึง สามารถประกอบได้ง่าย
- โครงทำด้วยวัสดุอลูมิเนียมโค้งมนเคลือบด้วยกัมหยี่สำดำ ให้ความสง่างามหรูหรากับห้อง
- เนื้อจอขึงตรึงเรียบสนิทกับโครงกัมหยี่ที่โค้งมนเข้าหาเนื้อจอ
- เนื้อผ้า HD-Gray เป็นเนื้อผ้าชนิด High Definition สีเทา ทำช่วยเพิ่ม contrast และโทนสีของภาพให้ดูสมจริงมากขึ้น
- ขนาดจอเป็นชนิด Wide Screen ( 16:9 ) ตั่งแต่ 80นิ้ว  92นิ้ว และ 100นิ้ว

FIXED FRAME



แหล่งข้อมูล : .