วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ Projector ให้เหมาะกับงาน

การเลือกโปรเจคเตอร์ ในหน่วยงานต่างๆ

อุปกรณ์ด้านไอทีนั้นมีอยู่อย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นของชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ของราคาถูกหรือราคาแพงแต่อุปกรณ์เหล่านี้เมื่อทำการซื้อมาแล้วก็จะต้องมีการใช้งานให้คุ้มค่าไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในลักษณะใดก็ตาม แต่สำหรับ โปรเจคเตอร์ที่เป็นอุปกรณ์ราคาแพงก็จะต้องมีการใช้งานกันอย่างทะนุถนอมกันหน่อย
Projector เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญคือ เครื่องฉายไฟเลนส์ และมีพอร์ต RGB ในการที่จะเลือกซื้อเครื่อง Projector นั้นก็ต้องให้ความพิถีพิถันกันบ้างเนื่องจากตัว Projector นั้นมีราคาที่ค่อนข้างสูงแต่ถ้าหากรู้จักการใช้งานอย่างเหมาะสมก็นับว่าคุมค่ากับการหาซื้อมาใช้งานเนื่องจากตัวProjector เองนั้นสามารถใช้ในการประชุมสัมมนานำเสนอโครงการต่างๆ หรือแม้แต่ใช้เพื่อความบันเทิงในบ้านก็สามารถทำได้จึงเห็นได้ว่า Projector นั้นให้ประโยชน์ในการใช้งานที่กว้างขวางพอสมควร
สำหรับผู้ที่คิดจะเลือกซื้อหรือหน่วยงานองค์กรต่างๆที่จะซื้อก็อาจจะคิดว่าจะเลือกซื้อ Projector รุ่นไหนดี เครื่องไหนดีแบบใดดี ก็อาจจะงงๆ อยู่บ้างเนื่องจากตัว Projector นั้นก็มีอยู่หลายรุ่นหลายยี่ห้อมากมายให้เลือกใช้งานไม่แพ้อุปกรณ์ไอทีอื่นๆเลย
สำหรับบทความนี้ก็จะได้มีการแนะนำการเลือกซื้อตัว Projector เพื่อนำมาใช้งาน โดยจะมีข้อมูลที่จำเป็นในการเลือกซื้อต่างๆ อย่างครบถ้วนสำหรับตัวอย่างหรือรุ่นต่างๆ ของ Projector ในบทความนี้มิได้หมายความว่ารุ่นนี้จะดี หรือน่าใช้ความรุ่นอื่นๆเพียงแค่ยกตัวอย่างมาประกอบการเขียนเท่านั้นก็มาดูกันเลยดีกว่าจะทำอย่างไรดี
ขนาด/น้ำหนัก
ขนาดและน้ำหนักนี้จะเป็นส่วนที่บอกความต้องการของผู้ใช้งานได้เป็นอันดับต้นๆเนื่องจากก่อนที่จะซื้อ Projector มาใช้งานก็จะต้องรู้จักหรือทราบสถานที่ที่ต้องใช้งานก่อนว่าเป็นสถานที่แบบใด มีเนื้อที่ขนาดไหน จึงจะสามารถที่จะเลือกซื้อได้เพราะหากพื้นที่ที่ใช้งานมีขนาดเล็กแต่ซื้อเครื่องProjector ที่มีขนาดใหญ่มาก็ดูจะไม่เหมาะสมเท่าไร ในขณะเดียวกัน Projector ที่ใช้งานก็มีอยู่หลายประเภทด้วยไม่ว่าจะเป็นสำหรับการถือพกพาตั้งโต๊ะหรือแม้แต่กระทั่งแหวนพนเพดานโดยขนาดแต่ละแบบก็เหมาะสำหรับงานแบบหนึ่งอาจจะนำมาใช้งานกับแบบอื่นๆไม่เหมาะสมเท่าไรนัก ก็ขอแยกออกเป็นชนิดดังนี้
ชนิด Ultra Portable 
น้ำหนัก 4-10 ปอนด์ เหมาะสำหรับนักเดินทาง หรือการพกพาไปยังที่ต่างๆใช้ในพื้นที่ที่ไม่มากเท่าไรนัก แต่อย่างไรก็ตามเครื่อง Projector ที่มีน้ำหนักเบาเกินไปอาจทำให้คุณภาพของเครื่อง Projector บางรุ่นลดต่ำลงไปด้วย เช่นค่าความคมชัดค่าความสว่างแต่ถ้าเครื่องยิ่งมีขนาดเล็กและมีคุณสมบัติที่ดีนั่นก็หมายความถึงราคาที่แพงขึ้น เป็นเงาตามตัวด้วย

ชนิด Portable 
น้ำหนัก 10-20 ปอนด์ เหมาะสำหรับใช้ในห้องประชุมหรือห้องสัมมนาทั่วไปหรือห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาสักหน่อย เนื่องจากตัวเครื่อง Projector จะให้ความคมชัดและความสว่างที่ดีกว่าแบบแรก
ชนิด Conference 
น้ำหนัก 20 ปอนด์ขึ้นไป เหมาะสำหรับการติดตั้งแบบถาวร กึ่งถาวรหรือมีการเคลื่อนย้าย น้อยครั้งและด้วยเครื่องที่ขนาดนี้ก็รับประกันได้เลยว่าตัวเครื่องนั้นมีความสามารถที่เป็นเยี่ยมอย่างแน่นอน แต่มันก็มีขนาดที่หนักและเคลื่อนย้ายลำบากแต่ถ้าดูแล้วความสามารถของเครื่องไม่เหมาะสมกับราคาและน้ำหนักก็ให้มองข้ามรุ่นนั้นไปได้เลย
เนื่องจากในปัจจุบันนี้เครื่อง Projector ยังไม่มีรุ่นที่แบบเล็กมากๆแต่ที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดบ้านเราก็สามารถใช้งานได้หลากหลายแล้วแต่ถ้ามีงบประมาณที่พอก็อาจจะเพิ่มการเลือกซื้อในรุ่นที่ใหญ่กว่าเนื่องจากมีความสามารถและคุณสมบัติที่มากกว่าการใช้งานรุ่นเล็กซึ่งก็จะทำให้คุ้มค่ากว่าได้
DLP หรือ LCD 
ตัวย่อสองตัวนี้หมายถึงเทคโนโลยีของเครื่อง Projector ซึ่ง DLP ย่อมาจาก Digital Light Processing ส่วน LCD ก็ย่อมาจาก Liquid Crystal Display ซึ่งทั้งสองแบบนี้ก็ต่างกันที่ DLP เป็นเทคโนโลยีแบบดิจิตอลล้วน ๆที่สามารถทำให้การนำเสนอผลงานหรือสร้างผลงานให้มีความคมชัดสูงและมีความสว่างที่มากกว่าให้สามารถอัดแน่นอยู่ในพื้นที่ขนาดที่เล็กๆ ได้
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเครื่อง Projector แบบ Ultra Portable ที่วางขายอยู่ในท้องตลาดนั้นโดยมากจะใช้เทคโนโลยี DLP นี้โดยเทคโฯโลยีนี้ก็อยู่บนพื้นฐานของ digital micromirror display (DMD) ส่วนเครื่อง Projector แบบ LCD นั้นจะด้อยกว่าแบบ DLP ตรงที่เครื่อง Projector แบบ LCD นั้นยังมีบางส่วนที่เป็นระบบอะนาล็อก รวมอยู่ด้วยและด้วยเครื่องฉายภาพระบบ DLP สามารถที่จะให้ความคมชัดที่สูงกว่าและให้ความถูกต้องของสีมากกว่าเนื่องจากได้รับประโยชน์จากการทำงานแบบดิจิตอลทำให้หมดปัญหาในเรื่องของการบิดเบือนหรือการลดทอนสัญญาณในกระบวนการแปลงค่าดิจิตอลให้เป็นอะนาล็อกอย่างที่เกิดขึ้นในระบบ LCD 
โปรเจคเตอร์ที่มีระบบแบบ DLP และ LCD 
แต่อย่างไรก็ตามเครื่อง Projector ในระบบ LCD ก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีความสามารถที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเพื่อที่จำลดข้อด้อยดังที่กล่าวมาซึ่งในบางครั้งก็อาจจะทำให้แยกไม่ออกในเรื่องของการทำงานว่าเครื่อง Projector เครื่องไหนเป็นระบบ DLP หรือเครื่องไหนเป็นระบบ LCD ก็เมื่อไปทำการเลือกซื้อก็ให้ทดลองฉายภาพดูแล้วทำการเปรียบเทียบภาพที่ได้ว่าเหมาะสมหรือไม่ ส่วนเรื่องของราคาเครื่อง Projector ในระบบ LCDอาจจะถูกกว่าเครื่อง Projector ในระบบ DLP บ้างที่ความสามารถเท่าๆ กันแต่ตรงนี้ก็วัดอะไรไม่ได้มากนัก เนื่องจากขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ ฟังก์ชันหรือฟีเจอร์อื่นๆ ด้วยซึ่งอาจจะทำให้ราคาเครื่อง Projector ในระบบ LCD แพงกว่าราคาเครื่อง Projector ในระบบ DLP ก็ได้
ค่าความสว่าง/หลอดไฟ
การใช้งานเครื่อง Projector ในห้องที่มีขนาดใหญ่หรือมีคนมากๆสิ่งที่สำคัญก็คือภาพที่ฉายออกไปนั้นจะต้องมีขนาดที่ใหญ่มีความสว่างในการใช้งานดี ความคมชัดสูงเพื่อให้คนต่างๆเหล่านั้นได้เห็นภาพที่ชัดเจน และสิ่งที่ทำให้เกิดความสามารถนี้ได้นั่นก็คือความสว่างของการฉายภาพเพราะหากแสงไม่พอภาพที่ได้นั้นจะไม่มีความคมชัด นอกจากนั้นความสว่างที่ว่านี้ยังส่งผลโดยตรงต่อการนำเสนอแล้วยังแปรผันโดยตรงกับความสว่างของห้องด้วย คือ ถ้าความสว่างของเครื่อง Projector นั้นน้อยก็จะต้องทำการปรับความสว่างของห้องที่ใช้งานให้น้อยหรือมืดไปเลยตามไปด้วย แต่ถ้าหากเครื่อง Projector มีความสว่างที่มากพอแม้ว่าห้องที่ใช้งานอยู่นั้นจะมีการเปิดไฟหรือมีความสว่างอยู่บ้างก็จะทำให้ภาพที่ได้ยังคมชัดอยู่และยังสามารถใช้ความว่างนั้นทำกิจกรรมอย่างอื่นไปได้ด้วยเช่นการจดบันทึกหรือโน้ตย่อตามการนำเสนอนั้นๆ ร่วมกันไปด้วยได้
ค่าความสว่างของเครื่อง Projector นี้มีหน่วยวัดเป็น ANSI lumen ยิ่งมีค่ามากเท่าไรก็ยิ่งมีความสว่างของเครื่องมากขึ้นเท่านั้นซึ่งก็จะช่วยให้คุณภาพของภาพที่ได้มีขนาดใหญ่ และมีความคมชัดมากขึ้นสำหรับการเลือกซื้อก็จะต้องมีการพิจารณาประกอบดังนี้
ค่าความสว่าง/ความเหมาะสม
น้อยกว่า 500 ANSI lumens 
ห้องขนาดเล็ก /จำนวนผู้ฟังน้อย /ในห้องที่มืด หรือไม่ต้องการแสงสว่าง

500 - 1,000 ANSI lumens 
ในห้องประชุมตามสำนักงานต่างๆ หรือในห้องเรียน/จำนวนผู้ฟังขนาดกลาง/ต้องการแสงสว่าง ในการนำเสนอบ้าง แต่ไม่มากนัก

1,000 - 1,500 ANSI lumens 
ห้องประชุมขนาดใหญ่ หรือในห้องเรียนรวม/ฉายในห้องที่มี แสงสว่างปกติ
มากกว่า 1,500 ANSI lumens 
สถานที่ขนาดใหญ่ตามศูนย์การประชุมต่างๆ/ฉายในห้องที่มี แสงสว่างปกติ
ถ้ามีงบประมาณที่เพียงพอก็ให้พยายามเลือกซื้อรุ่นที่มีค่า ANSI lumen สูงๆเท่าที่จะสามารถทำได้ เพราะจะช่วยให้คุณภาพของภาพที่ได้มีความคมชัดมากขึ้นแต่ค่าความสว่างนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับหลอดไฟหรือชนิดของหลอดไฟด้วยโดยทั่วไปหลอดไฟที่ใช้ในเครื่อง Projector ก็มีอยู่ ประเภทใหญ่ๆ คือแบบ Metal Halide และ UHP (Ultra-High Performance) โดย แบบ Metal Halide นั้นจะเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ถูกใช้มานานแล้วทำให้คุณภาพของภาพที่ได้ออกมาไม่ดีเท่าที่ควรเพราะเมื่อใช้งานไปนานจะสูญเสียความสว่างลงไปอีกทั้งยังเกิดความผิดเพี้ยนของสีของภาพอีกด้วย ในขณะที่เทคโนโลยี UHP นั้นจะยังคงรักษาประสิทธิภาพเอาไว้ตลอดอายุการใช้งานอีกเช่นเดียวกันราคาก็จะสูงกว่าบ้าง แต่ถ้าดูอย่างอื่นๆ ประกอบด้วยโดยรวมถ้าราคาใกล้เคียงกันแบบ UHP ก็เป็นส่วนที่น่าสนใจกว่า
ความละเอียด/ความคมชัด
ตัว Projector รุ่นต่างๆ ก็จะมีคุณภาพที่แตกต่างกันไป เนื่องจากตัว Projector จะมีวิธีการสร้างภาพที่ต่างกัน แต่ก็จะใช้การเรียนของจุดสีหรือที่เรียกว่า "พิกเซล" ประกอบกันขึ้นมาทีละแถวหรือเส้นและเมื่อรวมกันเข้าหลายๆเส้นก็จะเกิดเป็นภาพขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าความคมชัดหรือความละเอียดของภาพนี้ก็ขึ้นอยู่กับการสร้างจำนวนจุดสีหรือพกเซลนี้ขึ้นมาได้มากน้อยแค่ไหน
ความละเอียดของ Projector นี้จะมีการแสดงค่าเป็นตัวเลข จำนวน เช่น 800 X 600 พิกเซล โดยตัวเลขแรกหมายถึงจำนวนพิกเซลที่มีการจัดเรียงกันตามแนวนอน ส่วนตัวเลขที่สอง หมายถึงจำนวนพิกเซลที่มีการจัดเรียงกันในแนวตั้ง ตัวเลขทั้ง ตัวนี้ยิ่งมีค่าสูงมากเท่าไรก็หมายถึงว่าค่าความคมชัดและรายละเอียดของภาพจะสูงมากขึ้นตามไปด้วยแต่สำหรับการใช้งานนั้นค่าความละเอียดหนึ่งอาจจะเหมาะสมกับงานประเภทหนึ่งเนื่องจากถ้ามีการซื้อเครื่องที่มีความละเอียดสูงมาใช้งานเกินความจำเป็นก็จะทำให้เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุก็ขอให้พิจารณาจากตัวอย่างการใช้งานนี้

หากมีการนำเสนอหรือแสดงผลการด้วยโปรแกรม PowerPoint ภาพที่จะออกมานั้นก็จะเป็นกราฟิกเป็นส่วนใหญ่โดยจะไม่มีความซับซ้อนหรือรายละเอียดของภาพมากนัก ก็อาจจะใช้ Projector ที่มีความละเอียดที่ 800 x 600 พิกเซลก็ได้

ถ้ามีการใช้โปรแกรมประเภทตาราง หรือมีการเสนองานที่อยู่ในรูปแบบของตารางหรือรูปภาพกราฟิกที่มีรายละเอียดที่ค่อนข้างสูงขึ้นมาสักหน่อยก็แนะนำให้ใช้ Projector รุ่น XGA ที่มีความละเอียด 1,024 x 768 พิกเซลก็จะทำให้รายละเอียดของภาพนั้นมีความคมชัดมากขึ้น

หากในการนำเสนอมีการใช้โปรแกรมประเภทออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือประเภท CAD/CAM ต้องเลือกซื้อรุ่นที่มีความคมชัดสูงสูงในระดับ SXGA โดยจะมีความละเอียดที่ 1,280 x 1, 024 พิกเซลก็เพื่อช่วยให้รายละเอียดของภาพนั้นไม่มีการบิดเบือนไปจากภพาจริงมากนักเนื่องจากภาพประเภทนี้เป็นภาพที่มีรายละเอียดสูง มีความซับซ้อนมาก
ความละเอียดของตัว Projector มีมากเพียงใดแต่ถ้ารุ่นของเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่รองรับหรือไม่สามารถที่จะแสดงภาพได้เต็มความสามารถของเครื่อง Projector ความละเอียดที่มีสูงๆ ก็เป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ไปก็ให้ทำการตรวจสอบรุ่นของเครื่องคอมพิวเตอร์ว่าสามารถที่จะใช้งานกับProjector รุ่นที่ต้องการนี้ได้หรือไม่
นอกจากนี้แล้วตัวเครื่อง Projector ยังขึ้นอยู่กับค่า Contrast Contrast หรือค่าความต่างของตัวเครื่องด้วยโดยค่านี้จะแสดงถึงความแตกต่างระหว่างค่าสูงสุดของความสว่างและความมืดที่อยู่บนจอภาพ ซึ่งค่า Contrast ที่ดีควรจะอยู่ในอัตราส่วน 150:1 หรือมากกว่า ซึ่งถ้าค่า Contrast ยิ่งมากเท่าไรก็จะช่วยให้เกิดมิติและความคมชัดของภาพได้สูงขึ้นเท่านั้นแต่ค่า Contrast นี้จะไม่ค่อยมีผลเท่าไรกับภาพที่คุณภาพของภาพต่ำดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ให้ทำการเลือกซื้อ Projector ที่มีค่า Contrast สูงๆไว้ก่อน
พอร์ตต่างๆ ของเครื่อง
ความจำเป็นในการใช้งานของ Projector นั้นอาจจะไม่เหมือนกันทั้งหมด ดังนั้นเครื่อง Projector จึงจะต้องมีพอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่นั่นก็จะหมายถึงราคาของเครื่องที่อาจจะเพิ่มขึ้นมาด้วยเนื่องจากพอร์ตจะเป็นส่วนช่วยเพิ่มความหลากหลายในการใช้งานของ Projector ได้มากยิ่งขึ้น แต่พอร์ตที่มีแน่ๆ ใน Projector ทุกเครื่องก็คือ พอร์ต RGB In ที่เป็นพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนพอร์ตอื่นๆที่เกี่ยวข้องหรือมีใน Projector บางรุ่นก็มี

1. 
พอร์ต RGB Out เพื่อที่จะช่วยในการต่อเชื่อมจอภาพภายนอกเข้ากับเครื่อง Projector ได้ช่วยให้ภาพสามารถแสดงได้ทั้งที่จอมอนิเตอร์และบนจอฉายภาพในเวลาเดียวกัน

2. 
พอร์ต Composite กับ S-video ก็เป็นพอร์ตหนึ่งที่จะมีใน Projector ทีโดยพอร์ตทั้งสองแบบนี้จะใช้ในการรับสัญญาณภาพจากเครื่องเล่น VCR และ DVD ได้ทั้งระบบแบบเก่า (composite) และระบบแบบใหม่ (S-video) มาซึ่งถ้าจะใช้ส่วนนี้ก็จะมีหาซื้อเครื่องที่มีพอร์ตสำหรับต่อไว้ด้วย

3. 
พอร์ต Component video บางบริษัทอาจเรียกว่า Y, R-Y, B-Y หรือ Y PbPr เป็นพอร์ตที่ทำหน้าที่รับสัญญาณวิดีโอจากดาวเทียม โดยในเครื่องเล่น DVD รุ่นใหม่จะมีการเพิ่มพอร์ตนี้เสริมเข้าไปเพิ่มเติมจากพอร์ต composite และ S-video ที่มีอยู่แล้วด้วย

4. 
พอร์ต Audio In ทำหน้าที่ส่งสัญญาณเสียงจากคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่น VCR หรือ DVD เพื่อทำการส่งต่อไปที่เครื่อง Projector เพื่อช่วยให้ผู้ชมได้ยินเสียงประกอบด้วย แต่ตัวเครื่อง Projector ก็จะต้องมีลำโพงอยู่ในตัวด้วยหรืออาจจะใช้เป็นทางผ่านเพื่อต่อใช้งานอย่างอื่นก็ได้

5. 
พอร์ต Audio Out ทำหน้าที่ส่งสัญญาณเสียงจากเครื่อง Projector ไปยังลำโพงภายนอกเพื่อให้เกิดความดังหรือความชัดเจนของเสียงที่ดีขึ้น
การปรับภาพ และควบคุม
การปรับภาพ
เครื่องมือที่ช่วยในการปรับภาพของเครื่อง Projector นั่นก็คือระบบโฟกัสและระบบการซูม โดยที่เครื่อง Projector บางตัวบางรุ่นบางยี่ห้อจะสามารถปรับในสิ่งเหล่านี้ได้แบบ manual ด้วยการหมุนวงแหวนที่อยู่บนตัวเลนส์ด้านหน้าของเครื่อง Projector แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมาพร้อมกับระบบควบคุมโฟกัสและการซูมซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการใช้งานโดยการกดปุ่มที่อยู่บน Projector ก็สามารถที่จะปรับค่าต่างๆ ได้แล้วในบางรุ่นอาจจะใช้รีโมทในการควบคุม
ตัวเลนส์ของเครื่อง Projector ก็มีความสำคัญเหมือนกันโดยถ้าเลนส์มีการขยายที่ดีก็จะช่วยให้การควบคุมขนาดของภาพทำได้ดีขึ้นโดยการ Zoom in หรือ zoom out ซึ่งก็อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับห้องแต่ละห้องที่อาจจะมีขนาดของจอภาพไม่เท่ากัน
ระบบควบคุม
ระบบรีโมทคอนโทรลจะช่วยให้การควบคุมการทำงานของ Projector, การปรับความคมชัดของภาพ หรือการปรับแต่งอื่นๆสามารถทำได้ง่ายขึ้นซึ่งจะทำการจากมุมใดมุมหนึ่งในห้องก็ได้แต่อย่างไรก็ตามปุ่มที่อยู่บนรีโมทนั้นอาจจะเป็นปุ่มที่ทำให้การใช้งานง่ายก็จริงแต่ไม่ควรที่จะละเลยที่จะใช้ปุ่มที่อยู่กับเครื่อง Projector เพราะถ้าเกิดรีโมทเสียขึ้นมาละยุ่งแน่

สารพัดประโยชน์
แม้ว่าในการใช้งาน Projector ส่วนใหญ่จะต่อเชื่อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานในการนำเสนอต่างๆแต่ก็ยังมีอีกหลายรุ่นที่สามารถต่อเชื่อมกับเครื่อง VCR และ DVD ได้ด้วยซึ่งก็จะช่วยให้สามารถฉายภาพยนตร์บนจอใหญ่ๆ ขึ้นมาได้อย่างและยังประหยัดค่าโทรทัศน์จอยักษ์ได้มากทีเดียว
นอกจากนี้แล้วเครื่อง Projector บางรุ่นอาจจะมีความสามารถของ Visualizer รวมอยู่ด้วยโดยจะสามารถที่จะทำให้แสดงภาพแบบ มิติได้เพิ่มขึ้นมาอีกด้วยก็จะทำให้ประโยชน์ของตัว Projector นั้นเพิ่มมากขึ้นไปอีก แต่ก็อีกนั่นแหละราคาของตัวเครื่อง Projector อาจจะเพิ่มตามขึ้นมาด้วย
ร้านค้า/ตัวแทนจำหน่าย
นี่เป็นสิ่งที่จำเป็ฯและสำคัญอีกอย่างหนึ่งสำหรับการเลือกซื้ออุปกรณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็น Projector หรืออุปกรณ์อื่นใดก็ตาม แต่สำหรับ Projector นั้นร้านค้าที่นำมาขายนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านเจ้าใหญ่ๆทั้งนั้นไม่ค่อยมีร้านค้าย่อยๆทำการซื้อมาเก็บในสต๊อกไว้รอขายเนื่องจากราคาของProjector นั้นค่อนข้างสูงอาจจะไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ต้องเสียไปแต่ก็อาจจะมีไปสั่งซื้อจากร้านใหญ่ๆ มาอีกทีหนึ่งเมื่อมีลูกค้ามาสั่งซื้อโดยในส่วนนี้ถ้าเป็นไปได้ก็ทำการซื้อจากร้านค้ารายใหญ่ๆเลยก็ได้แต่ก็ให้ศึกษาข้อมูลของร้านนั้นให้ดีด้วย เช่นการบริกการเป็นอย่างไร ไม่ใช้ว่าขายแล้วทิ้งไม่รับผิดชอบลูกค้าเลยหรืออีกร้านหนึ่งขายในราคาที่สูงกว่านิดหน่อยแต่ก็มีการรับประกันที่ดีกว่าก็ให้เลือกในกรณีหลังจะดีกว่าและอีกประการหนึ่งคือพนักงานขายที่มีการเดินสายขายเครื่อง Projector ไปยังที่ต่างๆก็ให้ทำการตรวจสอบข้อมูลของบุคคลเหล่านี้ด้วยว่าสักกัดอยู่ที่ร้านนี้จริงหรือไม่มิใช่มาแอบอ้างแล้วทำให้เกิดข้อผิดผลาดขึ้นมาได้
บทสรุป
เนื่องจากตัวเครื่อง Projector นั้นมีราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อคิดที่จะซื้อมาใช้งานก็จะต้องมีการวางแผนกันพอสมควร เนื่องจาก Projector มีอุปกรณ์ที่สำคัญคือ เครื่องฉายไฟเลนส์และมีพอร์ต RGB ดังนั้นการที่จะซื้อเครื่อง Projector ที่มีระบบต่างๆครบสมบูรณ์ 100% นั้นบอกได้เลยว่าไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ในรุ่นหนึ่งอาจจะมีคุณสมบัติที่อีกรุ่นหนึ่งไม่มีก็ได้แต่หากรู้จักปรับใช้งานอย่างเหมาะสมแล้วก็จะสามารถใช้งานเครื่อง Projector นั้นได้ดีมากยิ่งขึ้น

แหล่งข้อมูล

http://www.projectorok.com/

http://www.projectorok.com/

1 ความคิดเห็น: